กิจกรรมระหว่างเรียน



กลยุทธ์การสร้างความแตกต่างของธนาคาร
ความโดดเด่นของธนาคารกรุงเทพนอกเหนื่อจากประสิทธิภาพในการทำกำไรสุทธิเป็นอันดับ 3 ของระบบธนาคารพานิชย์แล้ว ธนาคารยังคงมุ่งเน้นในเรื่องของความแข็งแกรงและความมั่นคงในฐานะการเงิน โดยธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง ส่งผลให้ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่ออยู่ในอัตราที่สูง 5.12 % รวมทั้งยังดำรงกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงรวมทั้งสิ้น 16.92% โดยมรเงินกองทุนขั้นที่ 1 ที่ 14.40% และขั้นที่ 2 ที 2.52
ทั้งนี้ ธนาคารได้กำหนดกลยุทธ์การดำเนินงานให้สอดคล้องกับโอกาสและการเปลียนแปลงที่ต่อเนื่อง โดยผสมผสานระหว่างการบริหารงานด้วยความระมัดระวังรอบคอบเพื่อให้มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง แต่พร้อมที่จะเดิบโตเมื่อโอกาสเอื้ออำนวย
โดยปี 2556 ที่ผ่านมา ธนาคารมีการเจริญเติบโตจากลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ ลูกค้าธุรกิจรายกลางและรายปลีก ลูกค้าบุคคล และลูกค้าต่างประเทศ เนื่องจากธนาคารมีการติดตามดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด ทำให้ธนาคารสามารถคาดการณ์ความต้องการด้านต่างๆ ของลูกค้าในด้านต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งในปี 2557 ธนาคารพร้อมที่จะเติบโตเคียงข้างไปกับลูกค้าสมกับปฎิธานที่ได้ยึดถือมาโดยตลอด คือ เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน
ขณะเดียวกัน ก็พร้อมที่จะรองรับสถานการณ์และความผันผวนต่างๆ ที่ไม่คาดคิดซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้นของประเทศพัฒนาแล้ว การชะลอลงของเศรษฐกิจสำคัญในเอเชีย การรวมกลุ่มเป็นประชาคมอาเซียน หรือแม้แต่ปรากฎการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยล้วนทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวให้สามารถอยู่รอดและแข่งขันได้ต่อไป ธนาคารกรุงเทพพร้อมที่จะสนับสนุนลูกค้าให้สามารถเคลื่อนผ่านกระบวนการปรับตัวนี้ได้อย่างราบรื่น และก้าวสู่อนาคต

กลยุทธ์ทางการตลาดของธนาคาร
1. ธนาคารกรุงเทพสนับสนุนลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มขึ้นของต้นทุนแรงงานในประเทศไทย รวมถึงความจำเป็นในการยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่ห่วงโซ่คุณค่าที่สูงขึ้นธนาคารให้คำแนะนำและสนับสนุนลูกค้าในการเตรียมพร้อมที่จะรุกสู่โอกาสใหม่ๆ ที่รออยู่ข้างหน้า และสิ่งที่ธนาคารได้ทำแล้วคือ การส่งเสริมให้ลูกค้า ขยายธุรกิจไปนอกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา ลาว เมียนมาร์เวียดนาม และจีนตอนใต้ รวมถึงอินโดนีเซีย ด้วยความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับลูกค้า และการมีเครือข่ายในต่างประเทศ รวมทั้งความรู้ความเข้าใจในธุรกิจของลูกค้าและอุตสาหกรรมในภาพรวม ทำให้ธนาคารมีความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งช่วยสนับสนุนให้ธนาคารก้าวรุดหน้าเคียงคู่กับลูกค้าในการแสวงหาโอกาสใหม่ที่เกิดขึ้น
2. สายงานลูกค้าบุคคลมุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละกลุ่มอาชีพ อายุ และรายได้ธนาคารได้จัดกลุ่ม ลูกค้า ให้ชัดเจนขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าใจและนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการ รวมถึงคำแนะนำด้านการลงทุนและการบริหารเงินเพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้าแต่ละกลุ่ม ธนาคารจะยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งการเปิดสาขาใหม่ และการเพิ่มช่องทางดิจิตอลต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถตอบสนองวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของลูกค้า รวมทั้งปรับปรุงภาพลักษณ์ของสาขาและนำเสนอบริการใหม่ๆทั้งที่สาขา จุดรับชำระเงิน เครื่องเอทีเอ็ม และสื่อสังคมออนไลน์ ในส่วนของบัตรเครดิต ธนาคารจะขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อนำเสนอสิทธิประโยชน์และเพิ่มคุณค่าของบัตรให้กับลูกค้า นอกจากนี้ธนาคารจะเสริมสร้างความผูกพันกับคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่นกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ผ่านการนำเสนอบัตรบีเฟิสต์ สมาร์ท ของธนาคารในรูปแบบบัตรประจำตัวนักเรียนนักศึกษา ที่สามารถใช้เป็นบัตรเดบิตบัตรเอทีเอ็ม และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรเดียว ซึ่งปัจจุบันธนาคารเป็นผู้นำในด้านนี้ ธนาคารยังคงแนวทางการให้ความรู้ด้านการบริหารจัดการการเงินแก่ลูกค้าเนื่องจากธนาคารเชื่อว่าหากลูกค้ามีความรู้และเข้าใจการเลือกลงทุนจะส่งผลดีต่อลูกค้าในระยะยาว และจะทำให้ลูกค้าเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของตนเองได้ดีขึ้น ประกอบกับความสำเร็จของโครงการ “การเงินมั่นคงกับครอบครัวบัวหลวง” ดังนั้น ธนาคารจะสานต่อความสำเร็จ ดังกล่าวเพื่อตอกย้ำความเป็นเพื่อนคู่คิดทางการเงินของคนไทย
กลยุทธ์ใ นการให้ความรูดั้งกล่าวประกอบกับคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการที่ดี การคำนึงถึงประโยชน์ของลูกค้าเป็นหลัก ส่งผลให้ลูกค้าเลือกใช้บริการของธนาคารกรุงเทพอย่างสมํ่าเสมอในระยะยาว ธนาคารมุ่งเน้นการให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งธุรกิจไทยที่ต้องการขยายกิจการไปต่างประเทศ ธุรกิจข้ามชาติซึ่งมีความสัมพันธ์กับธนาคารมายาวนาน เช่น ลูกค้าชาวจีนที่อยู่ใน ฮ่องกงไต้หวัน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เป็นต้น และลูกค้าที่เป็นคนท้องถิ่นในประเทศที่ธนาคารให้บริการ
3. เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่กำลังเติบโตสูง จึงดึงดูดนักลงทุนทั้งในและนอกภูมิภาค ขณะเดียวกัน ธนาคารกรุงเทพเป็นธนาคารไทยเพียงแห่งเดียวที่มีเครือข่ายสาขาครอบคลุมเขตเศรษฐกิจทั่วทั้งภูมิภาคดังนั้น ธนาคารจะขยายธุรกิจในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญและเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับโอกาสในการขยายธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญทั้งกับกลุ่มลูกค้าในประเทศที่ต้องการขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศและลูกค้าต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพื่อต่อยอดและขยายฐานธุรกิจในภูมิภาคที่เต็มไปด้วยโอกาสแห่งการเติบโต
ธนาคารจะกำหนดพื้นที่ที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของสาขาต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดที่มีการเติบโตสูง โดยเน้นการให้บริการทางการเงินที่ครอบคลุม และการประสานงานระหว่างสาขาต่างประเทศและสายงานธุรกิจในประเทศ นอกจากนี้ ธนาคารจะพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางบริการใหม่ๆ รวมถึงขยายเครือข่ายสาขาต่างประเทศเพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรุกสู่อนาคตใหม่ที่ท้าทาย
ที่มา :  http://www.bangkokbank.com/BangkokBankThai/Documents/Site%20Documents/Annual%20Report/2013/AR2013_Th.pdf
ช่องทางการจัดจำหน่ายของธนาคาร
ธนาคารมีช่องทางการให้บริการที่ครอบคลุมและทันสมัย โดยธนาคารเป็นหนึ่งในผู้นำในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งในด้สนจำนวนสาขาที่ให้บริการ เครือข่ายเอทีเอ็มและเครื่องรับฝากเงินสดอัตโนมัติ ทั้งนี้ นอกจากเครือข่ายสาขาที่ให้บริการเป็นหลักแล้ว ธนาคารได้พัฒนาช่องทางการให้บริการธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ที่หลากหลายรูปแบบ ได้แก่ เครื่องเอทีเอ็ม เครื่องรับฝากเงินสดอัตโนมัติ บริการธนาคารทางโทรศัพท์ และบริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ต รวมถึงยังมีการเปิดสำนักธุรกิจและสำนักธุรกิจย่อยจำนวนมากเพื่อให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าธุรกิจ
เครือข่ายสาขาและสำนักธุรกิจ
ธนาคารมีการประเมินโอกาสทางธุรกิจและพัฒนาเครือข่ายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 ธนาคารมีสาขาจำนวน 1,157 แห่งให้บริการลูกค้าทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารได้พัฒนาปรับปรุงกระบวนการทำงานของสาขาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและลดตันทุนด้านการปฏิบัติการ
นอกเหนือจากเครือข่ายสาขาแล้ว ธนาคารยังได้ให้บริการแก่ลูกค้าธุรกิจรายกลางและรายปลีกผ่านสำนักธุรกิจและสำนักธุรกิจย่อยจำนวน 236 แห่งทั่วประเทศ โดยในแต่ละสำนักธุรกิจจะมีผู้จัดการธุรกิจสัมพันธ์และเจ้าหน้าที่ธุรกิจสัมพันธ์ให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจร ทั้งนี้ในส่วนของสำนักธุรกิจย่อยซึ่งมีขนาดเล็กกว่าและส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดนั้นก็จะมีการให้บริการในลักษณะเดียวกันกับสำนักธุรกิจ ทั้งนี้นอกจากสาขาในประเทศแล้ว ธนาคารยังมีการให้บริการผ่านสาขาต่างประเทศจำนวน 26 แห่งและสำนักงานตัวแทน 1 แห่งใน 13 เขตเศรษฐกิจที่สำคัญ
จุดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
ธนาคารให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศโดยมีจุดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 84 แห่งกระจายทั่วประเทศ เพื่อให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นอกจากนี้ธนาคารได้ร่วมมือกับเวสเทิร์นยูเนี่ยนให้บริการโอนเงินผ่านเครือข่ายของเวสเทิร์นยูเนี่ยนที่ครอบคลุมจุดบริการกว่า 500,000 แห่งในกว่า 200 ประเทศทั่วโลก โดยลูกค้าในประเทศไทยสามารถใช้บริการดังกล่าวได้ที่จุดบริการของธนาคารกรุงเทพกว่า 1,100 แห่งทั่วประเทศ ทั้งที่สาขาและสำนักงานแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
เครือข่ายเอทีเอ็มและเครื่องรับฝากเงินสดอัตโนมัติ
ธนาคารได้พัฒนาการให้บริการและติดตั้งเครือข่ายเอทีเอ็มทั่วประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ในปี 2556 ธนาคารมีเครื่องเอทีเอ็มกว่า 8,470 เครื่อง และเครื่องรับฝากเงินสดอัตโนมัติกว่า 1,140 เครื่องซึ่งให้บริการ 24 ชั่วโมง โดยมีเครือข่ายที่ครอบคลุททุกสาขาของธนาคาร รวมถึงสถานที่ต่างๆ ทั้งในเขตนครหลวงและในต่างจังหวัด เช่น ร้านสะดวกซื้อ ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน สนามบิน สถานศึกษา และสถานที่ราชการ เป็นต้น ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถใช้บัตรเอทีเอ็มและบัตรบีเฟิสต์ในการทำธุรกรรมที่หลากหลายจากเครื่องเอทีเอ็มของธนาคาร เช่น การถอนเงินสด การโอนเงินระหว่างบัญชีเงินฝากทั้งของธนาคารและต่างธนาคาร การชำระค่าสินค้าและบริการ การชำระค่าซื้อหน่วยลงทุน เป็นต้น นอกจากนี้ เครื่องเอทีเอ็มยังสามารถให้บริการบัตรของธนาคารอื่นในเครือข่าย NITMX และบัตรจากต่างประเทศเช่น VISA / Master Card / UnionPay / American Express / JBC / Pongsawan Bank เป็นต้น
ศูนย์ธนาคารทางโทรศัพท์
ธนาคารจัดตั้งศูนย์ธนาคารทางโทรศัพท์เพื่อเพิ่มทางเลือกของช่องทางในการทำธุรกรรมทางการเงินให้แก่ลูกค้า นอกเหนือจากการให้บริการที่สาขา โดยลูกค้าสามารถทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านศูนย์ธนาคารทางโทรศัพท์ เช่น การโอนเงินระหว่างบัญชี การโอนเงินให้บุคคลที่สามซึ่งมีบัญชีกับธนาคาร การชำระเงินที่ใช้จ่ายโดยบัตรเครดิต การชำระค่าสินค้าและบริการตามที่ตกลง การชำระภาษี การซื้อขายกองทุนเปิด การทำรายการหรือขอบริการเกี่ยวกับบัญชีของตนเอง เป็นต้น นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถสอบถามข้อมูลและสถานภาพของบัญชี รวมทั้งข้อมูลอื่นๆของธนาคาร
ศูนย์ธนาคารทางโทรศัพท์ยังให้บริการสนับสนุนลูกค้าซึ่งใช้บริการผ่านช่องทางอื่นๆของธนาคาร เช่น ลูกค้าที่ใช้บริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ต เป็นต้น รวมถึงการให้คำแนะนำและเสนอขายบริการต่างๆ แก่ลูกค้าของธนาคาร
บริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์เคลื่อนที่
เนื่องจากจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ธนาคารจึงได้พัฒนานวัตกรรมและช่องทางการให้บริการธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองพฤติกรรมและความต้องการทางการเงินของลูกค้า โดยบริการบัวหลวงไอแบงก์กิ้งเป็นบริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ตที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในการทำธุรกรรมทางการเงินได้แบบออนไลน์ เช่น การโอนเงินระหว่างบัญชีตนเอง โอนเงินไปยังบัญชีบุคคลอื่นทั้งของธนาคารกรุงเทพและต่างธนาคาร บริการอายัดเช็คและสมุดคู่ฝาก บริการสั่งซื้อสมุดเช็คแบบออนไลน์ รวมถึงบริการชำระค่าสินค้าและบริการ เป็นต้น นอกจากนี้ ธนาคารยังให้บริการบัวหลวง เอ็มแบงก์กิ้ง ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลูกค้าจะสามารถตรวจสอบยอดเงินและรายการเคลื่อนไหวทางบัญชี โอนเงิน ชำระเงิน และค้นหาที่ตั้งสาขาและเอทีเอ็มของธนาคาร
บริการทางการเงินออนไลน์สำหรับลูกค้าธุรกิจ
ธนาคารได้พัฒนาและนำเสนอบริการทางการเงินออนไลน์ที่หลากหลายและน่าเชื่อถือได้เพื่อสนับสนุนลูกค้าธุรกิจในประเทศ โดยลูกค้าธุรกิจรายกลางและรายปลีกสามารถใช้บริการทางการเงินออนไลน์ทางอินเทอร์เน็ตด้วยบริการ บิซ ไอแบงก์กิ้ง (Biz iBanking) เพื่อตรวจสอบการเคลื่อนไหว และบริหารบัญชีได้ด้วยตนเองทุกวัน เช่น การโอนเงิน การชำระค่าสินค้าและบริการ และการจ่ายเงินเดือนพนักงาน เป็นต้น และในปี 2556 ธนาคารได้เพิ่มบริการซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมผ่านบริการ บิซ ไอแบงก์กิ้ง (Biz iBanking) ทั้งนี้ ธุรกรรมการเงินผ่านบริการ บิซ ไอแบงก์กิ้ง (Biz iBanking) มีระบบมาตรฐานความปลอดภัยด้วยเครื่องโทเค็น (Token) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ออกรหัสลับใหม่ให้ทุกครั้งเมื่อต้องการเข้าสู่ระบบ
บริการบัตรเครดิต บัตรเดบิต และเครือข่ายจุดการให้บริการ (Point-of-Sales)
ธนาคารมุ่งมั่นที่จะขยายฐานลูกค้าบัตรเครดิตโดยใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเชิงรุก เช่น การเสนอสิทธิประโยชน์หลากหลายสำหรับผู้ถือบัตร ในขณะเดียวกันยังคงรักษาความสัมพันธ์และการให้บริการกับลูกค้าคุณภาพที่มีอยู่อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ธนาคารได้นำเทคโนโลยีชิพอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูง มาใช้กับบัตรเครดิตของธนาคาร
ในส่วนของบัตรเดบิต ธนาคารได้นำเสนอบัตรเดบิตบีเฟิสต์สมาร์ทพร้อมเทคโนโลยีชิพ EMVเป็นธนาคารแรกของประเทศไทย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้บัตรให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้น รวมถึงการนำเสนอบัตรบีเฟิสต์สมาร์ท สำหรับนักเรียนนักศึกษา ที่สามารถใช้เป็นบัตรประจำตัวนักเรียน บัตรเดบิต บัตรเอทีเอ็ม และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ในบัตรเดียว
สำหรับลูกค้าธุรกิจ ธนาคารได้นำเสนอผลิตภัณฑ์บัตรเดบิต Purchasing Card ซึ่งเป็นบัตรเดบิตที่ธนาคารออกร่วมกับองค์กรต่างๆ ทั้งองค์กรของรัฐและ บริษัทค้าส่งและค้าปลีกในกลุ่มธุรกิจต่างๆ สำหรับใช้ชำระค่าสินค้าบริการภายในประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดการใช้เงินสด และเพิ่มความสะดวกตลอดจนความปลอดภัยในการชำระเงินของลูกค้าทั้งลูกค้าธุรกิจและลูกค้าบุคคลของธนาคาร
ที่มา : http://www.bangkokbank.com/BangkokBankThai/Documents/Site%20Documents/For%20Shareholder/56-1_2556.pdf
การส่งเสริมการตลาดของธนาคาร
ธนาคารกรุงเทพมุ่งมั่นสร้างสรรค์สังคมด้วยเจตนารมณ์ของ “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” ตลอดมา นอกจากการให้บริการทางการเงินครบวงจรเพื่อสนับสนุนลูกค้าทั้งในชีวิตประจำวัน และการดำเนินธุรกิจแล้ว ธนาคารยังมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่สังคมและประเทศชาติผ่านกิจกรรมหลากหลาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านการศึกษา ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม และด้านการดูแลพนักงาน กิจกรรมเพื่อสังคมที่ธนาคารกรุงเทพดำเนินการและสนับสนุน ล้วนมีเป้าประสงค์ที่มุ่งสร้างประโยชน์โดยตรงและยั่งยืนให้แก่ประชาชนในวงกว้าง เพื่อสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนของสังคม ไม่เพียงยืนหยัดได้อย่างมั่นคง หากยังสามารถหยิบยื่นความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลไปให้ผู้ที่กำลังต้องการความช่วยเหลือได้ ซึ่งจะส่งผลให้สังคมและประเทศชาติมีความแข็งแรงและมั่นคงอย่างยั่งยืนในที่สุด
* ด้านเศรษฐกิจและภาคธุรกิจ การพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนเปรียบเสมือนการสร้างเครื่องมือที่จำเป็นในการดำรงชีพให้แก่ประชาชนในสังคม ในขณะเดียวกันก็ช่วยเสริมสร้างสังคมให้มีความเข้มแข็งด้วย ธนาคารกรุงเทพมุ่งมั่นส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างสมดุล โดยจัดการอบรม ส่งเสริมการศึกษา และถ่ายทอดความรู้แก่ผู้ที่สนใจ * ด้านการศึกษา เพราะเชื่อว่าการส่งเสริมคนรุ่นใหม่ที่ทั้ง “เก่ง” และมี “จริยธรรม” คือการลงทุนเพื่ออนาคตที่ดีที่สุด ธนาคารกรุงเทพจึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาตลอดมา อาทิ โครงการสร้างอาคารเรียนธนาคารกรุงเทพทั่วประเทศ * ด้านศิลปะและวัฒนธรรม ศิลปะและวัฒนธรรมไทยคือองค์ประกอบสำคัญในการเผยแพร่และรักษา อัตลักษณ์ของประเทศ ธนาคารกรุงเทพจึงมุ่งมั่นส่งเสริมและอนุรักษ์ไว้ซึ่งศิลปะและวัฒนธรรมไทยอย่างต่อเนื่องมาตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ไม่ว่าจะเป็น การจัดประกวดและนิทรรศการภาพเขียนจิตรกรรม บัวหลวง และกิจกรรมของศูนย์สังคีตศิลป์ อีกทั้งยังให้การสนับสนุนศิลปะและวัฒนธรรมรูปแบบอื่นๆ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก อาทิ การเป็นผู้สนับสนุนหลักการประกวด “วรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน” หรือ “รางวัลซีไรต์” และมหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ ตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน * เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ธนาคารกรุงเทพซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงมีต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างที่หาที่สุดมิได้ ธนาคารได้ร่วมในกิจกรรมเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เสมอ ตลอดจน สนับสนุนโครงการตามแนวทางพระราชดำริต่างๆ อันอำนวยประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง
* ทำนุบำรุงศาสนา ด้วยตระหนักดีว่าสังคมไทยมีศาสนาเป็นศูนย์รวมและที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ธนาคารกรุงเทพจึงให้ความสำคัญแก่การส่งเสริมและทำนุบำรุงพุทธศาสนา ตลอดจนสนับสนุนทุกศาสนาหลักในประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างรากฐานทางสังคมที่แข็งแกร่งและเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม * ด้านสาธารณกุศลและการบรรเทาสาธารณภัย ด้วยตระหนักดีถึงลักษณะของสังคมที่มีความหลากหลาย ธนาคารกรุงเทพมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมในกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนต่างๆ อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะโดยให้การสนับสนุนแก่องค์กรสาธารณกุศลต่างๆ และสนับสนุนดำเนินการเพื่อบรรเทาสาธารณภัย และแบ่งปันน้ำใจแก่ผู้ประสบภัยทั้งในประเทศและทั่วโลก * ด้านสิ่งแวดล้อม ธนาคารกรุงเทพส่งเสริมให้ภาคธุรกิจดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยให้การ สนับสนุนหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อพิเศษ หรือการส่งเสริมการฟื้นฟูและปกป้องสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการต่างๆ อาทิ โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ และปฏิบัติตามมาตรการลดปริมาณการใช้พลังงานในการปฏิบัติงานประจำวัน * ด้านพนักงาน ด้วยเป้าหมายสำคัญในการสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่พนักงาน พร้อมทั้งส่งเสริม แนวทางการดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมและมีความพึงพอใจต่อการทำงาน ธนาคารกรุงเทพจึงยึดถือ ปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณในการดูแลพนักงานอย่างเคร่งครัด ในขณะเดียวกัน ธนาคารได้ส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ ด้วย
ที่มา : http://www.bangkokbank.com/




 การแสดงธนาคารกรุงเทพ





อัตราดอกเบี้ย ธนาคารกรุงเทพ

ดอกเบี้ย คือ
  • ผลตอบแทนที่ผู้ฝากเงินได้รับจากการฝากเงินไว้กับสถาบันการเงิน หรือที่เรียกว่า ดอกเบี้ยเงินฝาก
  • ผลตอบแทนที่ผู้ให้สินเชื่อได้รับจากผู้ขอสินเชื่อ ซึ่งในกรณีนี้จะหมายถึง สถาบันการเงิน และผู้ประกอบธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-bank) หรือที่เรียกว่า ดอกเบี้ยเงินกู้
  • ผลตอบแทนอาจอยู่ในรูปของตัวเงิน ทรัพย์สิน หรือสิ่งของต่าง ๆ ที่คิดคำนวณเป็นเงินได้ เช่น ธนาคารพาณิชย์แจกของสมนาคุณให้กับลูกค้า อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เป็นต้น
เพื่อจูงใจให้ฝากเงินไว้กับธนาคาร ดังนั้น การคำนวณดอกเบี้ยที่ได้รับแท้จริงต้องรวมมูลค่าของสมนาคุณด้วย

อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก คือ
อัตราดอกเบี้ยร้อยละต่อปีที่สถาบันการเงินจ่ายให้กับผู้ฝากเงิน เพื่อเป็นค่าตอบแทนที่ผู้ฝากนำเงินมาเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับสถาบันการเงิน อัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีหลายประเภท หลายอัตรา โดยขึ้นกับระยะเวลาการฝากเงินและเงื่อนไขการถอนเงิน เช่น อัตราดอกเบี้ยของบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่สามารถถอนเงินได้ตลอดเวลา จึงต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน เป็นต้น
ทั้งนี้ เมื่อท่านเลือกจะบริหารเงินโดยการฝากเงิน ควรเลือกประเภทการฝากเงินที่เหมาะสมกับรูปแบบการใช้ชีวิต (Lifestyle) ของท่าน เพื่อที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการฝากเงินนั้น

อัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ คือ
อัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่ธนาคารพาณิชย์ใช้อ้างอิงในการเรียกเก็บดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อจากลูกค้า ได้แก่
1.             MLR (Minimum Loan Rate) หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา เช่น มีประวัติการเงินที่ดี มีหลักทรัพย์ค้ำประกันอย่างเพียงพอ โดยส่วนใหญ่ใช้กับเงินกู้ระยะยาวที่มีกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน เช่น สินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจ
2.             MOR (Minimum Overdraft Rate) หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี
3.             MRR (Minimum Retail Rate) หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อบัตรเครดิต เป็นต้น
การเลือกดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ (ดอกเบี้ยอ้างอิง)
  • พิจารณาความถูก - แพง ของอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินแต่ละแห่ง
  • ดูความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยย้อนหลัง โดยควรเลือกประเภทที่มีความผันผวนน้อย เพราะสามารถบริหารจัดการหนี้ได้ง่ายกว่า
  • พิจารณาความมั่นคงของสถาบันการเงินแต่ละแห่ง เช่น ฐานะเงินกองทุน อัตราส่วนกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และปริมาณเงินสำรอง เป็นต้น
เกร็ดความรู้
  • การที่ MLR ของแต่ละธนาคารไม่เท่ากัน เป็นเพราะต้นทุนของธนาคารแต่ละแห่งไม่เท่ากัน
  • ทำไม MLR ต้อง +X% ด้วย และทำไม X% ของลูกค้าแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน เพราะต้นทุนในการให้กู้แก่ลูกค้าแต่ละรายไม่เท่ากัน บางรายอาจมากกว่า MLR จึงต้องเพิ่ม X% โดย X% แต่ละคนอาจไม่เท่ากัน ซึ่งขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของผู้กู้แต่ละราย เช่น บางรายมีฐานะทางการเงินดีกว่า มีหลักทรัพย์ค้ำประกันมูลค่าสูงกว่า  X% ก็อาจจะต่ำกว่าอีกคนได้ นอกจากนี้ ยังขึ้นกับดุลพินิจของสถาบันการเงินที่ไปขอกู้ ซึ่งแต่ละแห่งอาจมีหลักเกณฑ์ และวิธีการพิจารณาที่แตกต่างกันไป ลูกค้าควรสอบถามกับสถาบันการเงินที่เราสนใจหลาย ๆ แห่ง และนำมาพิจารณาเปรียบเทียบว่าสถาบันการเงินแห่งไหนมีเงื่อนไขที่ดีและเหมาะสมกับเรามากที่สุด

ที่มา:   http://www.bot.or.th/Thai/FinancialLiteracy/interest/Pages/interest.aspx

อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 27 พฤษภาคม 2557


อัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ
เริ่มใช้ตั้งแต่ วันที่ 30 เมษายน 2557


ที่มา:   http://www.bangkokbank.com/bangkokbankthai/webservices/rates/Pages/Default.aspx


กรณีศึกษาโครงสร้างองค์กร

รูปแบบการจัดองค์กรของธนาคารกรุงเทพ


รูปแบบการจัดองค์การธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) BBL  เป็นโครงสร้างองค์การแบบแมททริกซ์ (Matrix Structure) เป็นการจัดองค์การโดยใช้ทีมงานซ้อนหน้าที่ และหน่วยงานต่างๆขององค์กรหรือการจัดการองค์การที่ผู้ปฏิบัติงานมีนายสองคน หรือต้องรายงานต่อผู้บังคับบัญชาสองคน เพราะ องค์การดังกล่าวต้องทำงานหลากหลาย ข้ามหน่วยงานจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นและในสภาพแวดล้อมที่ยุ่งยากซับซ้อน และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา   ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ตระหนักถึงความสําคัญของการกํากับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการเสริมสร้างองค์กรให้มีประสิทธิภาพ ธนาคารจึงมุ่งส่งเสริมให้การดําเนินกิจการของธนาคารเป็นไปตามหลักการกํากับดูแลกิจการที่ดี อันจะเป็นพื้นฐานของการเจริญเติบโตที่ยั่งยืน โดยมีคณะกรรมการธนาคาร มีจํานวนทั้งสิ้น 17 ท่าน โดยเป็นกรรมการอิสระ 6 ท่าน ซึ่งทุกท่านมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยและมีสัญชาติไทย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินกิจการซึ่งประกอบด้วย  คณะกรรมการธนาคาร และคณะกรรมการชุดย่อยต่างๆ ได้แก่ คณะกรรมการบริหาร คณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการสรรหาและกําหนดค่าตอบแทน และคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง  เพื่อช่วยใการปฏิบัติหน้าที่ด้านต่างๆ และให้เกิดความมั่นใจว่าได้มีการกำกับควบคุมความเสียงของกิจการและเพื่อรักษาระดับฐานะการเงินของธนาคารให้มีความแข็งแกร่ง มีผลการดําเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง และเสริมสร้างชื่อเสียงอันดีงามให้ดํารงไว้อย่างยั่งยืน ธนาคารจึงมุ่งมั่นที่จะดําเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังรอบคอบ โดยจัดให้มีระบบการควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยงที่เพียงพอและเหมาะสมตามหลักการกํากับดูแลกิจการที่ดี
คณะกรรมการธนาคารได้ส่งเสริมและสนับสนุนการดําเนินการนําหลักการกํากับดูแลกิจการที่ดี มาปรับใช้ให้ครอบคลุมอย่างรัดกุมเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และสภาพการณ์ของธนาคาร ตลอดจนมีการติดตามผล การปฏิบัติตามนโยบายการกํากับดูแลกิจการ จรรยาบรรณและจริยธรรมธุรกิจ รวมทั้งการพิจารณาปรับปรุงทบทวนหลักปฏิบัติและแนวทางที่เกี่ยวข้องให้เกิดความเหมาะสม

1.            Organization Chart รวมของทั้งระบบธนาคาร
คณะกรรมการ
                โครงสร้างกรรมการของธนาคารประกอบด้วยคณะกรรมการธนาคาร และคณะกรรมการชุดย่อยต่างๆ ได้แก่ คณะกรรมการบริหาร คณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน  และคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ตามรายละเอียดดังนี้


คณะกรรมการชุดย่อย
คณะกรรมการธนาคารได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดย่อยเพื่อทำหน้าที่กลั่นกรอง เสนอความเห็น ติดตามและกำกับดูแลการดำเนินงานของธนาคารตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการธนาคารเพื่อช่วยให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการธนาคารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคณะกรรมการชุดย่อยที่ได้รับการแต่งตั้งจะรายงานการปฏิบัติหน้าที่ต่อคณะกรรมการธนาคารอย่างสม่ำเสมอ คณะกรรมการชุดย่อยที่คณะกรรมการธนาคารแต่งตั้งขึ้น ได้แก่ คณะกรรมการบริหาร คณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน และคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง
        1. คณะกรรมการบริหาร
วัตถุประสงค์
เพื่อปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการธนาคาร
องค์ประกอบและคุณสมบัติของคณะกรรมการบริหาร
ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556 คณะกรรมการบริหารประกอบด้วยกรรมการธนาคารที่ได้รับการแต่งตั้งให้ทําหน้าที่กรรมการบริหารรวม 6 ท่าน ดังมีรายชื่อต่อไปนี้
1.             นายโฆสิต    ปั้นเปี่ยมรัษฎ์   ประธานกรรมการบริหาร
2.             นายเดชา  ตุลานันท์    รองประธานกรรมการบริหาร
3.             นายอมร  จันทรสมบูรณ์   กรรมการบริหาร
4.             นายชาติศิริ   โสภณพนิช  กรรมการบริหาร
5.             นายสิงห์   ตังทัตสวัสดิ์   กรรมการบริหาร
6.             นายสุวรรณ    แทนสถิตย์     กรรมการบริหาร
อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร
1.             ปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการธนาคาร ซึ่งรวมถึงการพิจารณาอนุมัติการให้สินเชื่อ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ การลงทุนในหลักทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนการดำเนินงานต่างๆ ของธนาคาร อันเป็นการประกอบธุรกิจปกติหรือเกี่ยวเนื่องกับการประกอบธุรกิจปกติของธนาคาร
2.             พิจารณาเรื่องต่างๆ ซึ่งต้องได้รับการอนุมัติหรือความเห็นชอบจากคณะกรรมการธนาคารหรือที่ประชุมผู้ถือหุ้น ตามกฎหมายหรือข้อบังคับของธนาคาร เช่น เป้าหมาย นโยบาย แผนการดำเนินธุรกิจในด้านต่างๆ และการออกหลักทรัพย์ของธนาคาร เป็นต้น
การประชุมของคณะกรรมการบริหาร
คณะกรรมการบริหารกำหนดให้มีการประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาเรื่องต่างๆ ตามที่ได้รับมอบหมายทุกสัปดาห์ โดยทั่วไปสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
การรายงานของคณะกรรมการบริหาร
คณะกรรมการบริหารมีหน้าที่รายงานต่อคณะกรรมการธนาคาร
        2. คณะกรรมการตรวจสอบ
วัตถุประสงค์
เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยแบ่งเบาภารกิจของคณะกรรมการธนาคารเกี่ยวกับการสอบทานรายงานทางการเงิน การควบคุมภายใน และการตรวจสอบภายใน รวมทั้งการพิจารณาคัดเลือกและการประสานงานกับผู้สอบบัญชีของธนาคาร
องค์ประกอบและคุณสมบัติของคณะกรรมการตรวจสอบ
คณะกรรมการตรวจสอบ ประกอบด้วยกรรมการอิสระจำนวน 4 ท่าน ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายด้าน ได้แก่ ด้านการบัญชีและการเงิน ด้านกฎหมาย และด้านการบริหารองค์กร ทั้งนี้ กรรมการตรวจสอบทุกท่านไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่อื่นใดในคณะกรรมการชุดย่อยอื่นๆ
คณะกรรมการตรวจสอบ มีวาระการดำรงตำแหน่งครั้งละ 2 ปี และมีรายชื่อดังต่อไปนี้
1.             พลเรือเอกประเจตน์   ศิริเดช  ประธานกรรมการตรวจสอบ
2.             นายคนึง  ฦๅไชย  กรรมการตรวจสอบ
3.             หม่อมเจ้ามงคลเฉลิม  ยุคล  กรรมการตรวจสอบ
4.             นางเกศินี    วิฑูรชาติ     กรรมการตรวจสอบ
ทั้งนี้ หม่อมเจ้ามงคลเฉลิม ยุคล   นางเกศินี วิฑูรชาติ   เป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ ด้านบัญชีและการเงิน
อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบ
1.             สอบทานให้ธนาคารมีการรายงานทางการเงินอย่างถูกต้องและเพียงพอ โดยการประสานงานกับผู้สอบบัญชีและผู้บริหารที่รับผิดชอบการจัดทำรายงานทางการเงิน
2.             สอบทานและประเมินผลให้ธนาคารมีระบบการควบคุมภายใน (Internal  Control)  และการตรวจสอบภายใน (Internal  Audit) ที่เหมาะสมและมีประสิทธิผล โดยสอบทานร่วมกับผู้สอบบัญชีและผู้ตรวจสอบภายใน และพิจารณาความเป็นอิสระของหน่วยงานตรวจสอบภายใน ตลอดจนให้ความเห็นชอบ ในการพิจารณาแต่งตั้ง โยกย้าย เลิกจ้างผู้บริหารสูงสุดของสายตรวจสอบและควบคุม
3.             พิจารณา คัดเลือก เสนอแต่งตั้งบุคคลซึ่งมีความเป็นอิสระเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้สอบบัญชีของธนาคาร และเสนอค่าตอบแทนของบุคคลดังกล่าว รวมทั้งเข้าร่วมประชุมกับผู้สอบบัญชีโดยไม่มีฝ่ายจัดการเข้าร่วมประชุมด้วยอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
4.             สอบทานให้ธนาคารปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของสถาบันการเงิน
5.             พิจารณาการเปิดเผยข้อมูลของธนาคาร ในกรณีที่เกิดรายการที่เกี่ยวโยงกันหรือรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ให้มีความถูกต้องและครบถ้วน
6.             เรียกเอกสาร ข้อมูล หรือเชิญฝ่ายบริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของธนาคารมาให้คําชี้แจงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบ
7.             พิจารณาว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาให้คำปรึกษาตามที่คณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาว่าเหมาะสม
8.             จัดทำรายงานการกำกับดูแลกิจการของคณะกรรมการตรวจสอบ โดยเปิดเผยไว้ในรายงานประจำปีของธนาคาร ซึ่งรายงานดังกล่าวต้องลงนามโดยประธานกรรมการตรวจสอบ
9.             ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการธนาคารมอบหมาย ด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการตรวจสอบ
การประชุมของคณะกรรมการตรวจสอบ
คณะกรรมการตรวจสอบกำหนดให้มีการประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาเรื่องต่างๆ ตามที่ได้รับมอบหมายอย่างน้อย 3 เดือนต่อครั้ง
การรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบ
คณะกรรมการตรวจสอบมีหน้าที่ รายงานการดำเนินงานของคณะกรรมการตรวจสอบต่อคณะกรรมการธนาคาร  และจัดทำรายงานของคณะกรรมการตรวจสอบ เพื่อเปิดเผยไว้ในรายงานประจำปีของธนาคาร
        3. คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
วัตถุประสงค์
เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการพิจารณาคัดเลือกและเสนอชื่อต่อคณะกรรมการธนาคารเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการธนาคาร กรรมการชุดย่อยต่างๆ และผู้บริหารระดับสูง ตลอดจนกำหนดค่าตอบแทนที่เหมาะสม
องค์ประกอบและคุณสมบัติของคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน ประกอบด้วยกรรมการธนาคารจำนวน 3 ท่าน โดยเป็นกรรมการอิสระ 2 ท่าน ทั้งนี้ ประธานกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนเป็นกรรมการอิสระ
คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน มี วาระการดำรงตำแหน่งครั้งละ 2 ปี และมีรายชื่อดังต่อไปนี้
1.             นายโกวิทย์   โปษยานนท์   ประธานกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
2.             นายอมร  จันทรสมบูรณ์   กรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
3.             นายพรเทพ  พรประภา  กรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
1.             กำหนดนโยบายต่างๆ ดังนี้
1.1.       นโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการในการสรรหากรรมการ และผู้บริหารระดับสูง ตั้งแต่ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ขึ้นไป
1.2.       นโยบายและหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนและผลประโยชน์อื่น รวมถึงจำนวนค่าตอบแทนและผลประโยชน์อื่นที่ให้แก่กรรมการและผู้บริหารระดับสูง ตั้งแต่ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ขึ้นไป
ทั้งนี้ เพื่อเสนอให้คณะกรรมการธนาคารพิจารณาอนุมัติ
2.             คัดเลือกและเสนอชื่อบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เพื่อดำรงตำแหน่งต่างๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการธนาคาร
2.1.       กรรมการ
2.2.       กรรมการในคณะกรรมการชุดย่อยต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายอํานาจหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงจากคณะกรรมการธนาคาร
2.3.       ผู้บริหารระดับสูง ตั้งแต่ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ขึ้นไป
3.             ดูแลให้คณะกรรมการธนาคารมีขนาดและองค์ประกอบที่เหมาะสมกับองค์กร รวมถึงมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยคณะกรรมการธนาคารประกอบด้วยบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในด้านต่างๆ
4.             ดูแลให้กรรมการและผู้บริหารระดับสูง ตั้งแต่ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ขึ้นไปของธนาคาร ได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมกับหน้าที่และความรับผิดชอบที่ตนมีต่อธนาคาร โดยกรรมการที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่และความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับหน้าที่และความรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมายนั้น
5.             กำหนดแนวทางการประเมินผลงานของกรรมการและผู้บริหารระดับสูง ตั้งแต่ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ขึ้นไป เพื่อพิจารณาปรับผลตอบแทนประจำปี โดยได้คำนึงถึงหน้าที่ความรับผิดชอบ และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง รวมถึงให้ความสำคัญกับการเพิ่มมูลค่าของส่วนของผู้ถือหุ้นในระยะยาวประกอบการพิจารณาประเมินผลด้วย
6.             เปิดเผยรายงานการดำเนินงานของคณะกรรมการ สรรหาและกำหนดค่าตอบแทนไว้ในรายงานประจำปีของธนาคาร
การประชุมของคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนกำหนดให้มีการประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาเรื่องต่างๆตามที่ได้รับมอบหมายอย่างน้อยปีละ 2  ครั้ง
การรายงานของคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนมีหน้าที่รายงานการดำเนินงานของคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนต่อคณะกรรมการธนาคาร และจัดทำรายงานการกำหนดค่าตอบแทนโดยแสดงไว้ในรายงานประจำปีของธนาคาร
        4. คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง
วัตถุประสงค์
เพื่อปฏิบัติหน้าที่ กำกับดูแลในเรื่องการบริหารความเสี่ยงให้เป็นไปอย่างมีระบบและต่อเนื่องมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ของธนาคารและนโยบายบริหารความเสี่ยงโดยรวม
องค์ประกอบและคุณสมบัติของคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง
คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง มีจำนวน  5 ท่าน ประกอบด้วย กรรมการธนาคาร  4  ท่าน และผู้บริหารของธนาคาร 1 ท่าน ดังมีรายชื่อต่อไปนี้
1.             นายสิงห์    ตังทัตสวัสดิ์ ประธานกรรมการบริหารความเสี่ยง
2.             นายชาญ    โสภณพนิช    กรรมการบริหารความเสี่ยง
3.             นายอมร  จันทรสมบูรณ์   กรรมการบริหารความเสี่ยง
4.             นายสุวรรณ  แทนสถิตย์   กรรมการบริหารความเสี่ยง
5.             นายอายุสม์   กฤษณามระ  กรรมการบริหารความเสี่ยง
อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง
1.             กำหนดนโยบายเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการของธนาคาร   เพื่อพิจารณาในเรื่องของการบริหารความเสี่ยงโดยรวม ซึ่งต้องครอบคลุมถึงความเสี่ยงที่สำคัญ เช่น ความเสี่ยงด้านเครดิต ความเสี่ยงจากตลาด ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ และความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อชื่อเสียงของกิจการ เป็นต้น
2.             วางกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับนโยบายการบริหารความเสี่ยง โดยสามารถประเมิน ติดตาม และดูแลปริมาณความเสี่ยงของธนาคารให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
3.             ทบทวนความเพียงพอของนโยบายและระบบการบริหารความเสี่ยง โดยรวมถึงความมีประสิทธิผลของระบบและการปฏิบัติตามนโยบายที่กำหนด
4.             ให้ข้อเสนอแนะในสิ่งที่ ต้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไขต่อคณะกรรมการธนาคารเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายและกลยุทธ์ที่คณะกรรมการธนาคารกำหนด
การประชุมของคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง
คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง กำหนดให้มีการประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาเรื่องต่างๆ ตามที่ได้รับมอบหมายอย่างน้อย  3  เดือนต่อครั้ง
การรายงานของคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง
คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงมีหน้าที่รายงานการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงต่อคณะกรรมการธนาคาร

2.            Organization Chart ของสายงานต่างๆ
ธนาคารมีการแบ่งสายงานออกเป็น 4 สายงาน ประกอบด้วย ธุรกิจ ผลิตภัณฑ์และการบริการ ปฏิบัติการ สนับสนุนและอำนวยการ ดังนี้
1.             ธุรกิจ แบ่งย่อยออกเป็น สายงาน
1.1.       กิจการธนาคารนครหลวง
-         สายลูกค้าธุรกิจรายใหญ่นครหลวง
-         สายลูกค้าธุรกิจรายกลางนครหลวง
-         สายลูกค้าธุรกิจรายปลีกนครหลวง
-         สายลูกค้าบุคคลนครหลวง
1.2.       กิจการธนาคารต่างจังหวัด
-         สายลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ต่างจังหวัด
-         สายลูกค้าธุรกิจรายกลางต่างจังหวัด
-         สายลูกค้าธุรกิจรายปลีกต่างจังหวัด
-         สายลูกค้าธุรบุคคลต่างจังหวัด
1.3.       กิจการธนาคารต่างประเทศ
-         สายสถาบันการเงินต่างประเทศ
-         สายสถาบันการเงินระหว่างประเทศ
1.4.       กิจการการเงินธนกิจ
-         สายบริหารการเงิน
-         สายวานิชธนกิจ
-         สายธุรกิจหลักทรัพย์
2.             ผลิตภัณฑ์และการบริการ แบ่งย่อยออกเป็น 2 สายงาน
2.1.       สายบัตรเคดิต
2.2.       สายผลิตภัณฑ์และช่องททางบริการ
3.             ปฏิบัติการ
3.1.       สายปฏิบัตการและสนับสนุน
4.             สนับสนุนและอำนวยการ แบ่งย่อยออกเป็น 10 สายงาน
4.1.       สายการบันชีและการเงิน
4.2.       สายทรัพยากรบุคคล
4.3.       สายเทคโนโลยี
4.4.       บริหารความเสียง
4.5.       บริหารสินเชื่อ
4.6.       ฝ่ายอาคารสำนักงานและทรัพย์สิน
4.7.       ฝ่ายวิจัย
4.8.       ฝ่ายการประสัมพันธ์
4.9.       การกำหนดดูแล
4.10.  ฝ่ายผู้จัดการใหญ่

3.            Organization Chart ของฝ่ายต่างๆในสำนักงานใหญ่
ฝ่ายต่างๆ จะมีหน้าที่ความรับผิดชอบตาม Functional ของฝ่ายที่ได้รับมอบหมาย โดยจะอยู่ภายใต้กรอบแนวทาง การดำเนินงานตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ จากประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ และมีคณะกรรมการธนาคารซึ่งได้รับการรับเลือกจากผู้ถือหุ้นให้ทำหน้าที่ควบคุมดูแลการดำเนินงาน

4.            Organization Chart ของสำนักงานเขตและสาขา
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 333ถนนสีลมบางรัก บางรัก กรุงเทพมหานคร, 10500
สาขาของธนาคารในประเทศไทย จำนวน 1,083 สาขา  โดยแบ่งเป็น
  •         สาขาในกรุงเทพมหานคร  จำนวน 288 สาขา
  •         สาขาในเขตภาคกลาง  จำนวน 331 สาขา
  •         สาขาในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  จำนวน 161 สาขา
  •         สาขาในเขตภาคเหนือ  จำนวน 167 สาขา
  •         สาขาในเขตภาคใต้  จำนวน 136 สาขา
สาขาต่างประเทศ 13 ประเทศ จำนวน 27 สาขา ธนาคารในเครือที่ธนาคารถือหุ้นเต็ม แห่ง และสำนักงานตัวแทนอีก แห่ง
  1. จีน
  2. ฮ่องกง
  3. ไต้หวัน
  4. ญี่ปุ่น
  5. มาเลเซีย
  6. เวียดนาม
  7. ปิลิปปินส์
  8. อินโดนีเซีย
  9. สิงค์โป
  10. อังกฤษ
  11. ลาว
  12. เมียนมาร์
  13. สหรัฐอเมริกา
ที่มา:   เว็บไซต์ ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารแห่งประเทศไทย
            รายงานประจำปี 2556 ธนาคารกรุงเทพ
            แบบ 56-1 ปี 2556 ธนาคารกรุงเทพ

                                                  ดูงาน MONEY EXPO 2014

                                                                                              วันที่ 8-11 พฤษภาคม

 

มหกรรม การเงิน Money expo 2014 ตลาดนัดทางการเงินการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และภูมิภาค จัดโดย  วารสารการเงินธนาคารนิตยสารในเครือ บริษัท มีเดีย แอสโซซิเอตเต็ด จำกัด เป้าหมายหลักของงานมหกรรมการเงิน MONEY EXPO คือการเป็นสื่อกลางระหว่าง ธนาคารรัฐ ธนาคารพาณิชย์เอกชน สถาบันการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันวินาศภัย บริษัทประกันสุขภาพ บริษัทผู้ค้าทองคำ/โกลด์ฟิวเจอร์ส บริษัทเช่าซื้อรถยนต์ และหน่วยงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการเงินการลงทุน อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรมสรรพากร สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ฯลฯ เป็นต้น กับ ประชาชน ผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าเจ้าของธุรกิจ และนักลงทุน เป็นต้น ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน บริการทางการเงิน การลงทุน และแหล่งข้อมูลด้านการลงทุนอย่างเท่าเทียมกันในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ




                                               ขอขอบคุณพี่ๆพนักงานของธนาคารพาณิชย์ที่ให้ข้อมูลและคำปรึกษา ^^


       ดูงานที่พิพธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย 

                                                                                 วันที่ 9 พฤษภาคม 2557





                   ขอขอบคุณธนาคารพาณิชย์ไทย ที่ให้พวกเราได้ไปชมดูความเป็นมาของธนาคารไทยพาณิชย์ในครั้งนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น